การนำ “ระบบโรงงานอัจฉริยะ” (Smart Factory System) มาประยุกต์ใช้ ทำให้เกิดประโยชน์มากมายต่อการผลิต โรงงานอัจฉริยะคือสภาพแวดล้อมการผลิตแบบอัตโนมัติและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) และวิทยาการหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต
ประโยชน์ของ ระบบโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory System)ประโยชน์หลักประการหนึ่งของระบบโรงงานอัจฉริยะคือความสามารถในการเพิ่มความเร็วและผลผลิตในการผลิต ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น หุ่นยนต์และเซนเซอร์ IoT ทำให้โรงงานอัจฉริยะสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้คนงาน ซึ่งสามารถช่วยลดเวลา ลดข้อผิดพลาดและพัฒนาการผลิตสินค้าได้ดีขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มผลผลิตและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากการเพิ่มความเร็วในการผลิตแล้ว ระบบโรงงานอัจฉริยะยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของสินค้าที่ผลิตได้อีกด้วย ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การเรียนรู้ของการผลิตและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ ระบบนี้สามารถตรวจสอบกระบวนการผลิตแบบ Real Time สามารถระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยลดข้อบกพร่องและปรับปรุงคุณภาพโดยรวมของการผลิตสินค้าให้ดีขึ้นได้
ประโยชน์ประการต่อมาคือความสามารถในการลดต้นทุนการผลิต ระบบนี้สามารถช่วยลดต้นทุนแรงงานด้วยการทำให้งานหลายอย่างซึ่งโดยปกติแล้วโรงงานอัจฉริยะสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้คนงาน เช่น การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์สามารถช่วยระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้น ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถป้องกันปัญหาได้ก่อนที่เครื่องจักรจะหยุดทำงาน ซึ่งก่อให้เกิดค่าใช้สูงทั้งในการซ่อมบำรุงและการแก้ไข
นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงการจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ ด้วยการใช้เซนเซอร์ IoT และเทคโนโลยีอื่น ระบบนี้สามารถตรวจสอบ ติดตามการผลิต การจัดเก็บและการเคลื่อนย้ายสินค้าแบบ Real Time สิ่งนี้สามารถช่วยปรับปรุงการจัดการสินค้าคงคลัง, รับประกันว่าสินค้าจะถูกส่งตรงเวลาและได้รับปริมาณที่เหมาะสม
จากประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้น การนำระบบโรงงานอัจฉริยะมาใช้ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถแข่งขันการตลาดสมัยใหม่ได้ เมื่อการผลิตกลายเป็นระดับโลกและเป็นดิจิทัลมากขึ้น บริษัทที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน จะมีข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือบริษัทที่ไม่นำระบบนี้มาใช้ ในเรื่องการแข่งขันและวางตำแหน่งตัวเองเพื่อความสำเร็จในระยะยาวได้
ประการสุดท้าย คือช่วยบริษัทปรับปรุงความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซนเซอร์ IoT และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ โรงงานอัจฉริยะสามารถตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อลดของเสียและประหยัดพลังงาน สิ่งนี้ช่วยให้บริษัทต่างๆ ลดการใช้คาร์บอน พร้อมทั้งดำเนินกิจกรรมควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและโลกเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น
การนำระบบโรงงานอัจฉริยะมาใช้ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อการดำเนินงานด้านการผลิต ด้วยการเพิ่มความเร็วและผลผลิต ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุนการผลิตและปรับปรุงความยั่งยืน โรงงานอัจฉริยะช่วยให้บริษัทต่างๆ มีความสามารถแข่งขันและตอบสนองความต้องการของตลาดสมัยใหม่ได้
แหล่งอ้างอิง Factory Max : https://www.factorymax.co.th/smart-manufacturing-and-smart-factory