5 สาเหตุที่บ่งบอกว่า เครื่องจักรในโรงงาน “พัง” ชัวร์
30 Oct. 2024
CMMS Smart Factory
Share :
เครื่องจักรในโรงงาน หรือในอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นสิ่งที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนานและมีประสิทธิภาพ หากละเลยหรือใช้งานไม่ถูกวิธี อาจทำให้เครื่องจักรเสื่อมสภาพและพังเร็วขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เครื่องจักรพังไวเกินไป

5 สัญญาเตือนก่อนเครื่องจักรพัง

1. การหยุดการผลิตแบบกระทันหัน

หากเกิดการหยุดการผลิตที่ไม่คาดคิดบ่อยๆ นั่นอาจเป็นผลมาจากการบำรุงรักษาที่ไม่เพียงพอ

2. อะไหล่ขาดแคลนหรือไม่มีการจัดเตรียม

การที่อะไหล่สำรองไม่มีเพียงพอหรือไม่สามารถหาได้ทันเวลา อาจทำให้การซ่อมแซมล่าช้าและส่งผลกระทบต่อการผลิต

3. การบำรุงรักษาล่าช้าหรือถูกเลื่อนบ่อยครั้ง

หากการบำรุงรักษามักถูกเลื่อนหรือทำล่าช้า อาจทำให้เครื่องจักรเสียหายรุนแรงและการทำงานไม่ต่อเนื่อง

4. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

การที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน อาจบ่งชี้ว่าระบบบำรุงรักษามีประสิทธิภาพลดลง

5. เครื่องจักรเสียบ่อยเกินไป

ถ้าต้องซ่อมเครื่องจักรบ่อยๆ จนเริ่มรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ นี่คือสัญญาณว่าระบบบำรุงรักษาอาจมีปัญหาแล้ว

เทรนด์การบำรุงรักษาเครื่องจักรในโรงงานปี 2568 จะต่างจากปี 2567 อย่างไร?

ในอุตสาหกรรมการผลิต การบำรุงรักษาเครื่องจักรนับเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยเฉพาะในช่วงที่เทคโนโลยีดิจิทัลและแนวคิดการบำรุงรักษาที่ทันสมัยกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการเสียหายของเครื่องจักร ในปี 2568 เทรนด์การบำรุงรักษาเครื่องจักรในโรงงานจะมีความแตกต่างจากปี 2567 อย่างไร?การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องจักร ในปี 2568 การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องจักรจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เช่น การใช้เซ็นเซอร์ตรวจสอบสภาพเครื่องจักร การใช้ Big Data และ AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์ปัญหาและวางแผนการบำรุงรักษา การใช้ AR/VR ในการฝึกอบรมการซ่อมบำรุง และการใช้ระบบ IoT เชื่อมต่อเครื่องจักรเข้ากับระบบบริหารจัดการ เป็นต้นการใช้แนวคิดการบำรุงรักษาที่ทันสมัย นอกจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้แล้ว ในปี 2568 จะเห็นการนำแนวคิดการบำรุงรักษาที่ทันสมัยมาใช้มากขึ้น เช่น การบำรุงรักษาตามสภาพ (Condition-Based Maintenance) ซึ่งใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรเพื่อวางแผนการบำรุงรักษา หรือการบำรุงรักษาแบบทวีผล (Reliability-Centered Maintenance) ที่มุ่งเน้นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและลดความเสี่ยงของเครื่องจักรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการบำรุงรักษาเครื่องจักร ในปี 2568 การบำรุงรักษาเครื่องจักรจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและแนวคิดการบำรุงรักษาที่ทันสมัยเพื่อลดความเสี่ยงการเสียหายของเครื่องจักร ซึ่งจะช่วยลดการหยุดชะงักของสายการผลิต และเพิ่มผลผลิตรวมถึงคุณภาพสินค้า

อีกเทรนด์ที่กำลังมาแรง และคงไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ Ai

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การใช้ระบบ AI (Artificial Intelligence) เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตและโรงงานอุตสาหกรรมด้วย โดยเฉพาะในด้านการซ่อมบำรุงเครื่องจักร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานในโรงงาน ดังนั้นจึงน่าสนใจที่จะศึกษาว่า AI จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรในโรงงานปี 2568 อย่างไรในปัจจุบัน AI มีบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมบำรุงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล ตรวจจับปัญหา และวางแผนการซ่อมบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้การบำรุงรักษาเครื่องจักรเป็นไปอย่างราบรื่น ลดการเกิดปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและคาดว่าในอนาคต AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรในโรงงานมากขึ้น ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นในการวิเคราะห์ข้อมูล ตรวจจับปัญหา และวางแผนการซ่อมบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพที่มา : factorium.tech

Trending IT Solutions Blog