1.
Smart Home: การใช้ IoT ในบ้านอัจฉริยะทำให้สามารถควบคุมและจัดการอุปกรณ์ในบ้านได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เช่นการควบคุมแสงไฟ, เครื่องปรับอากาศ, ระบบรักษาความปลอดภัย, และอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย
2.
Smart Cities: การใช้ IoT ในเมืองอัจฉริยะช่วยให้การบริหารจัดการเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการจัดการการจราจร, การจัดการขยะ, การปรับความสะอาดของสาธารณูปโภค, และการติดตามและการจัดการกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับประชาชน.
3.
Industrial IoT (IIoT): ในโลกอุตสาหกรรม IoT ช่วยให้สามารถตรวจสอบและควบคุมเครื่องจักรและกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้เซนเซอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบค่าสารละลาย, อุณหภูมิ, แรงดัน, และข้อมูลสถานะอื่น ๆ ที่สำคัญในกระบวนการผลิต.
4.
Precision Agriculture: IoT ช่วยให้การเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการใช้เซนเซอร์และระบบสารสนเทศทางการเกษตร เพื่อตรวจวัดค่าสถานะของดิน, อากาศ, แสงแดด, และพืช เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการเพิ่มผลผลิตและประหยัดทรัพยากร.
5.
Healthcare: ในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ IoT ช่วยในการติดตามและการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้เซนเซอร์และอุปกรณ์สวมใส่เพื่อตรวจสอบสุขภาพและกิจกรรมทางร่างกายของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย, และใช้ในการตรวจสอบยา, การควบคุมการอัตราการส่งออกและความเครียดของผู้ใช้.
การประยุกต์ใช้ IoT นั้นมีข้อได้เปรียบอย่างมากเนื่องจากมีความสามารถในการเชื่อมต่อและส่งข้อมูลให้เร็วและมีประสิทธิภาพ โดยที่สามารถใช้ข้อมูลนั้นในการตัดสินใจทางธุรกิจหรือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในหลายๆ ด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.
Amazon Web Services (AWS) IoT: แพลตฟอร์ม IoT จาก Amazon ซึ่งมีความสามารถในการจัดการอุปกรณ์ IoT, การเชื่อมต่อและการจัดเก็บข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูลและการทำงานร่วมกับบริการอื่น ๆ ใน AWS.
2.
Microsoft Azure IoT: แพลตฟอร์ม IoT จาก Microsoft ซึ่งให้ความสามารถในการสร้างและการจัดการอุปกรณ์ IoT, การเชื่อมต่อและการควบคุมอุปกรณ์, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการสร้างแอปพลิเคชัน IoT.
3.
Google Cloud IoT: แพลตฟอร์ม IoT จาก Google Cloud Platform ที่ให้ความสามารถในการเชื่อมต่อและการจัดการอุปกรณ์ IoT, การควบคุมข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการใช้บริการอื่น ๆ ใน Google Cloud.
4.
IBM Watson IoT Platform: แพลตฟอร์ม IoT จาก IBM ซึ่งให้ความสามารถในการเชื่อมต่อและการจัดการอุปกรณ์ IoT, การควบคุมข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, และการใช้งานบริการโอเพนได้.
5.
ThingWorx (PTC): แพลตฟอร์ม IoT จาก PTC ที่ให้ความสามารถในการสร้างและการจัดการโครงการ IoT, การสร้างแอปพลิเคชัน IoT, และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์.
6.
Cisco IoT Cloud Connect: แพลตฟอร์ม IoT จาก Cisco ซึ่งมุ่งเน้นในการเชื่อมต่อและการบริการข้อมูล IoT อย่างปลอดภัยในขนาดใหญ่.
7.
Bosch IoT Suite: แพลตฟอร์ม IoT จาก Bosch ที่ให้ความสามารถในการเชื่อมต่อและการจัดการอุปกรณ์ IoT, การควบคุมข้อมูล, และการวิเคราะห์ข้อมูล.
8.
Samsung ARTIK: แพลตฟอร์ม IoT จาก Samsung ที่ให้ความสามารถในการสร้างและการจัดการโครงการ IoT ด้วยการใช้งานโมดูลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จาก Samsung.
9.
Oracle IoT Cloud: แพลตฟอร์ม IoT จาก Oracle ซึ่งให้ความสามารถในการเชื่อมต่อและการจัดการอุปกรณ์ IoT, การควบคุมข้อมูล, และการวิเคราะห์ข้อมูล.
10.
Siemens Mindsphere: แพลตฟอร์ม IoT จาก Siemens ที่ให้ความสามารถในการเชื่อมต่อและการจัดการอุปกรณ์ IoT, การควบคุมข้อมูล, และการวิเคราะห์ข้อมูล.
การเลือกแพลตฟอร์ม IoT ที่เหมาะสมสำหรับโครงการหรือธุรกิจของคุณควรพิจารณาความต้องการทางธุรกิจ, ความสามารถทางเทคนิค, และการสนับสนุนและบริการที่ให้ไปยังพื้นที่ที่คุณต้องการพัฒนาในอนาคต
ที่มา : https://euristiq.com/best-iot-cloud-platforms/